
ตรวจไม่พบเชื้อ HIV มี CD4 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด APCO

ปัจจุบันคุณเค หยุดใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดมาแล้ว 16 เดือน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อ!

โครงการ CSR ของ APCO mี่บ้าน Gerda จังหวัด ลพบุรี
APCO ได้มอบ ภูมิคุ้มกันบำบัด APCO แก่เด็กติดเชื้อ HIV 17 คนที่ใช้ยาต้านไวรัสมาแล้ว และมีโรคแทรกซ้อน เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย มะเร็ง
ทุกคนอาการดีขึ้นใน 2 เดือน ในเวลา 12 เดือน ทุกคนมี CD4 เพิ่มขึ้นฉลี่ย 67.34%
ผลงานวิจัยที่ช่วยผู้ป่วย HIV/AIDS
จากผู้ป่วย HIV ระยะสุดท้าย CD4 เพิ่ม สุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ
วิจัยและพัฒนาสูตรภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ความสำเร็จครั้งแรกของโลก
ช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ที่ไม่เคยใช้ยาต้าน ให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์แล้ว 8 ราย
ภาวะ HIV หมดฤทธิ์ หรือ สงบ คือภาวะที่ผู้ติดเชื้อตรวจไม่พบเชื้อ HIV อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใช้ยาต้านไวรัสและมีสุขภาพแข็งแรง
ครั้งแรกของโลก
ความท้าทายบทใหม่ "การหยุดยาต้านไวรัส HIV"
ของผู้ติดเชื้อที่เข้ารับคำปรึกษา
ปัจจุบันมี 3 รายแล้ว ที่สามารถหยุดยาต้านและตรวจไม่พบเชื้อ HIV อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์เอดส์ในปัจจุบัน
การแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ HIV ในประเทศไทยน่ากลัวแค่ไหน (เดิม คนติดเชื้อในประเทศไทยกี่คน สถิติ)
HIV/AIDS โรคที่ใครก็รู้ว่าหากติดเชื้อคือ ต้อง “เสียชีวิต” เท่านั้น ข้อมูลจากแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ฯ รายงานว่าเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ผู้ติดเชื้อที่มีชีวิตอยู่ทั้งหมด 437,700 คน แยกเป็นเพศหญิง 181,600 คน เพศชาย 256,100 คน เอชไอวี เอด
ข้อมูลของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย รายงานเมื่อสิ้นปี 2559 ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 6,200 คน เฉลี่ยวันละ 17 ตลอดทั้งปีมีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตกว่า 15,000 คน และจากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาบ่งชี้ว่าในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่เข้ารับบริการฝากครรภ์ และกลุ่มทหารเกณฑ์คัดเลือกใหม่เข้าประจำการ อายุ 20-24 ปี กลับมีแนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเยาวชนที่มีคู่เพศสัมพันธ์หลายคนและไม่ป้องกัน เพราะคิดว่าตัวเองจะไม่ติดเชื้อจึงทำให้มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
วิธีรักษาเอดส์ในปัจจุบัน
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายขาด แต่หากรู้ว่าติดเชื้อแล้วตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้น้อยลง เนื่องจากผู้ป่วยจะได้ทำการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ถูกวิธีส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แม้ยาต้านจะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง และปัจุบันก็สามารถขอทำการตรวจเลือดหาเชื้อได้ฟรีได้ทีสถานพยาบาลที่ตนมีสิทธิ์อยู่
ถ้าเป็นเอดส์แล้ว องค์การอนามัยโลก WHO
แนะนำให้ปฏิบัติตัวอย่างไร?
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ควรจะเริ่มการรักษาทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่ามีจำนวน CD4 และจำนวน HIV เท่าไร ในวารสาร Journal of Antimicrobial Chemotherapy ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ติดเชื้อ 17,000 คน และติดตามอาการ 2,300 คน ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี แล้วสรุปว่า
– 78% ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา แต่ไม่สามารถเพิ่มจำนวน CD4 หรือ ลดจำนวน HIV อาการจะรุนแรงจนเป็น AIDS และเสียชีวิตในที่สุด
– 35% ของผู้ป่วยที่มีจำนวน HIV ลดลงถึงระดับที่ตรวจไม่พบ แต่จำนวน CD4 ไม่เพิ่ม ก็จะมีโอกาสป่วย และเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับ AIDS
– 18% ของผู้ป่วยที่ไม่สามารถลดจำนวน HIV แต่สามารถเพิ่มจำนวน CD4 เหนือระดับ 200 จะมีปัญหาสุขภาพโดยไม่เสียชีวิต
“สรุปว่า”
การเพิ่มขึ้นของ CD4 สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้ติดเชื้อมากกว่าการลดลงของจำนวน HIV