HIV / เอดส์
ใครว่าหมดฤทธิ์ ไม่ ได้ ?....
APCO เปิดให้คำปรึกษาพิเศษ สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์
เทปบันทึกในวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เวลา 13.30 – 14.15 เป็นการนำเสนอข้อมูลงานวิจัยของคณะนักวิจัย Operation BIM ในการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS และประกาศความสำเร็จในการทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัสเกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ หรือ HIV Functional Cure ได้ประสบความสำเร็จแล้ว 8 ราย และมีรายหนึ่งที่ใช้นวัตกรรม APCO และตรวจไม่พบเชื้อ (ND) ต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 2 ปี และได้เริ่มหยุดใช้นวัตกรรม APCO แล้ว โดยผลตรวจล่าสุดก็ยังระบุว่าตรวจไม่พบเชื้อเหมือนเดิม
ภาวะ HIV สงบ / หมดฤทธิ์
เป็นภาวะที่นักวิจัยและผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยาพยายามที่จะทำให้เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีนักวิจัยทีมใดทำให้เกิด ภาวะ HIV สงบ ในผู้ติดเชื้อได้สำเร็จเลย ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าคณะนักวิจัย Operation BIM เป็นนักวิจัยกลุ่มแรกที่ทำให้เกิดภาวะ HIV สงบ ในผู้ติดเชื้อสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
ทำให้คณะนักวิจัยฯ มั่นใจว่าจะมีผู้ที่เกิดภาวะ HIV สงบ หรือ HIV หมดฤทธิ์ จะเพิ่มขึ้นอีกและการเกิดภาวะ HIV สงบ นี้จะช่วยให้ผู้ที่ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติได้โดยไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ด้วย ภูมิคุ้มกันบำบัด HIV จากพืชกินได้ของ APCO หรือที่เรียกว่านวัตกรรม นวัตกรรม นั่นเอง
ถ้าคุณเป็นผู้ติดเชื้อ HIV อย่าพลาด!! APCO เปิดให้คำปรึกษาพิเศษ สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์
ผู้เกิดภาวะ HIV สงบ หรือหมดฤทธิ์รายที่ 5 เกิดภาวะ HIV สงบ โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือน หลังการใช้นวัตกรรม APCOcap โดยผู้ที่เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์รายนี้ตัดสินใจไม่ได้รับยาต้านไวรัสเนื่องจากไม่ต้องการรับผลข
ผู้เกิดภาวะ HIV สงบ หรือหมดฤทธิ์รายที่ 6 เกิดภาวะ HIV สงบ ได้ในเวลา 5 เดือน หลังการใช้นวัตกรรม APCOcap ทั้งนี้อาสาสมัครรายนี้ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัสเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสุขภาพโดยรวมยังอยู่ใน.
ผู้เกิดภาวะ HIV สงบ หรือหมดฤทธิ์รายที่ 7 ก่อนเข้าโครงการเกิดปัญหาติดเชื้อฉวย มีค่า VL 2,532,199 copies/ml และ CD4 = 4 cells/cu.mm. ด้วยเหตุผลส่วนตัวจึงยังไม่รับยาต้านไวรัส หลังได้ใช้นวัตกรรม APCOcap
ผู้เกิดภาวะ HIV สงบ หรือหมดฤทธิ์รายที่ 8 เกิดภาวะ HIV สงบ ได้ในเวลา 1 ปี หลังการใช้นวัตกรรม APCOcap โดยยังไม่ได้รับยาต้านไวรัสเนื่องจากสุขภาพโดยรวมยังปกติและไม่ต้องการรับผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส
ผู้เกิดภาวะ HIV สงบ หรือหมดฤทธิ์รายที่ 4 เกิดภาวะ HIV สงบ ได้ในเวลา 8 เดือน หลังการใช้นวัตกรรม APCOcap ทั้งนี้อาสาสมัครรายนี้ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัสเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสุขภาพโดยรวมยังอยู่ในเ
ภาวะ HIV สงบ รายแรกของโลกนี้พบว่าเกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ปัจจุบันผู้ติดเชื้อที่มีภาวะ HIV สงบ รายที่ 1 นี้ มีคุณภาพชีวิตปกติต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว
ยืนยันภาวะ HIV สงบต่อเนื่อง ด้วยการตรวจครั้งที่ 10 ของอาสาสมัครรายแรกในโครงการ APCO LIFE FITNESS CHALLENGE ที่เข้าสู่ภาวะ HIV สงบ โดยใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดด้วย APCOcap และไม่ใช้ยาต้าน
็HIV Function Cure หรือ ภาวะ HIV สงบ (รายที่ 3 ของโลก) ที่เกิดภาวะสงบได้ในเวลาเพียง 3 เดือน หลังการใช้นวัตกรรม APCOcap ยืนยันภาวะ HIV สงบ ด้วยการตรวจต่อเนื่อง
เป็นชื่อที่นักวิจัยใช้เรียกสูตรที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยของคณะนักวิจัย APCO ที่ทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่องกว่า30ปี และได้ค้นพบว่า การสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุลเป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ จึงได้ผลิตสูตรสารสกัดจากธรรมชาติสำหรับการแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันที่ไม่สมดุลรวมทั้งผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ (มังคุด,งาดำ,ถั่วเหลือง,ฝรั่ง และ ใบบัวบก)
การทดสอบสูตรของนักวิจัย Operation BIM 4 แคปซูล/วัน ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV 29 ราย ที่ใช้ยาต้านไวรัสที่โรงพยาบาลแม่ออน พบว่าผู้ติดเชื้อมีสุขภาพดีขึ้นทุกราย มี CD4 เพิ่มขึ้นในเวลา 3 เดือน ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่สารภีและที่ดอยสะเก็ด 22 ราย มี CD4 เพิ่มขึ้นทุกคนในเวลา 3 เดือน ในรายที่ติดเชื้อวัณโรคและปอดบวมอาการหายไปในเวลาที่รวดเร็ว ในกลุ่มเด็กติดเชื้อที่บ้านแกร์ด้า จ.ลพบุรี ที่ใช้ยาต้านอยู่แล้ว 70 ราย ทุกรายมี CD4 เพิ่มขึ้น อาการของโรคแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อรา แบคทีเรียหายไป รายที่เป็นมะเร็งตับก็มีคุณภาพชีวิตปกติมาต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ประสิทธิภาพในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของสูตรของนักวิจัย Operation BIM เกิดจากการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1, และ Th17 ซึ่งต่างก็คือ CD4 แล้ว CD4 ที่เพิ่มขึ้นไปเพิ่มอานุภาพของเซลล์ T พิฆาต ในการกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อ HIV ผลรวมคือ CD4 เพิ่มขึ้น และจำนวน HIV ลดลง ซึ่งวิธีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันนี้ เป็นวิธี ภูมิคุ้มกันบำบัด HIV ด้วยพืชกินได้ ของ APCO
Facebook Nation LIVE เรื่อง นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV / AIDS และมะเร็ง ด้วยสารสกัดจากพืชกินได้ สัมภาษณ์สด
APCO เผยแพร่นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด ในงาน วทท. ครั้งที่ 44
หลังได้ใช้ APCOcap ทุกรายมี CD4 เพิ่มขึ้น พ้นจากภาวะโรคแทรกซ้อน และมีสุขภาพที่ดีมาเป็นเวลากว่า 6 ปี
HIV (human immunodeficiency virus) เชื้อเอชไอวี เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (AIDS : acquired immunodeficiency syndrome) เมื่อร่างกายติดเชื้อ HIV มาแล้ว เชื้อเอชไอวี จะไปทำลายเซลล์ CD4 ก่อน
“ภูมิคุ้มกันบำบัด” นวัตกรรมที่ช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยโรคร้าย ทั้งมะเร็ง เอดส์ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฯลฯ ให้แข็งแรงขึ้นได้ด้วยวิธีการธรรมชาติอย่างยั่งยืน
โรคหนองในแท้ หรือ โรคโกโนเรีย (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากเป็นอันดับต้นๆในบรรดาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การแบ่งระยะของผู้ติดเชื้อ จะแบ่งเป็น 3 ระยะโดยมีอาการที่ต่างกันในแต่ละระยะ และขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย มาดูกนว่าแต่ละระยะเป็นอย่างไรบ้าง
นักวิจัยไทยประกาศผลงานวิจัยที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีปัญหา HIV/AIDS และมะเร็ง มาแล้วกว่าพันราย ในงาน วทท. ครั้งที่ 44 ในหัวข้อ “นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV/AIDS และมะเร็งด้วยสารสกัดจากพืชกินได้” ออกอากาศทาง Thairath TV ช่อง 32 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เวลา 17.30 น.
ภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับทั้ง AIDS และมะเร็ง คนไทยทำได้มา 10 ปีแล้ว.
เนื้อหาส่วนหนึ่งของการบรรยายพิเศษ เรื่อง “นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV/AIDS และมะเร็งด้วยสารสกัดจากพืชกินได้” ในการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 44 ( วทท44 )
โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM.
จัดโดยสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา วันที่ 29 ตุลาคม 2561
HIV/AIDS โรคที่ใครก็รู้ว่าหากติดเชื้อคือ ต้อง “เสียชีวิต” เท่านั้น ข้อมูลจากแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ฯ รายงานว่าเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ผู้ติดเชื้อที่มีชีวิตอยู่ทั้งหมด 437,700 คน แยกเป็นเพศหญิง 181,600 คน เพศชาย 256,100 คน เอชไอวี เอด
ข้อมูลของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย รายงานเมื่อสิ้นปี 2559 ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 6,200 คน เฉลี่ยวันละ 17 ตลอดทั้งปีมีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตกว่า 15,000 คน และจากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาบ่งชี้ว่าในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่เข้ารับบริการฝากครรภ์ และกลุ่มทหารเกณฑ์คัดเลือกใหม่เข้าประจำการ อายุ 20-24 ปี กลับมีแนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเยาวชนที่มีคู่เพศสัมพันธ์หลายคนและไม่ป้องกัน เพราะคิดว่าตัวเองจะไม่ติดเชื้อจึงทำให้มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายขาด แต่หากรู้ว่าติดเชื้อแล้วตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้น้อยลง เนื่องจากผู้ป่วยจะได้ทำการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ถูกวิธีส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แม้ยาต้านจะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง และปัจุบันก็สามารถขอทำการตรวจเลือดหาเชื้อได้ฟรีได้ทีสถานพยาบาลที่ตนมีสิทธิ์อยู่
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ควรจะเริ่มการรักษาทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่ามีจำนวน CD4 และจำนวน HIV เท่าไร ในวารสาร Journal of Antimicrobial Chemotherapy ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ติดเชื้อ 17,000 คน และติดตามอาการ 2,300 คน ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี แล้วสรุปว่า
- 78% ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา แต่ไม่สามารถเพิ่มจำนวน CD4 หรือ ลดจำนวน HIV อาการจะรุนแรงจนเป็น AIDS และเสียชีวิตในที่สุด
- 35% ของผู้ป่วยที่มีจำนวน HIV ลดลงถึงระดับที่ตรวจไม่พบ แต่จำนวน CD4 ไม่เพิ่ม ก็จะมีโอกาสป่วย และเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับ AIDS
- 18% ของผู้ป่วยที่ไม่สามารถลดจำนวน HIV แต่สามารถเพิ่มจำนวน CD4 เหนือระดับ 200 จะมีปัญหาสุขภาพโดยไม่เสียชีวิต
"สรุปว่า"
การเพิ่มขึ้นของ CD4 สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้ติดเชื้อมากกว่าการลดลงของจำนวน HIV
The Best CEO Awards 2014 by Stock Exchange of Thailand (SET)
Most Improved Corporate Social Responsibility (CSR) Awards 2014 by Stock Exchange of Thailand (SET)
Most Improved Corporate Social Responsibility (CSR) Awards 2014 by Stock Exchange of Thailand (SET)
NIA สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
Best CEO Awards 2015
Best Company Performance Awards 2015
สาชารัชดาภิเษก ที่อยู่ : 89 อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ชั้นที่ 30
ถ.รัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400