นักวิจัยไทยทำให้ HIV หมดฤทธิ์ นวัตกรรมไทยสู่นวัตกรรมโลก
นักวิจัยไทยทำให้ HIV หมดฤทธิ์ นวัตกรรมไทยสู่นวัตกรรมโลก

นักวิจัยไทยทำให้ HIV หมดฤทธิ์ นวัตกรรมไทยสู่นวัตกรรมโลก

นักวิจัยไทยประสบความสำเร็จในการช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ที่ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส ให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ หรือ HIV Functional Cure ได้สำเร็จแล้วกว่า 8 ราย โดยได้ประกาศเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลกที่ทำได้ในวันเอดส์โลก ปี 2020 และในปีต่อมานี้ ปี 2021 คณะนักวิจัย Operation BIM ได้ประกาศความสำเร็จครั้งใหม่ กับการก้าวไปอีกขั้นของการช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ที่ ใช้ยาต้านไวรัสมาแล้ว กว่า 4 ปี ให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ได้แล้ว

         จากจุดเริ่มต้นของงานวิจัยของคณะวิจัย Operation BIM ที่คิดค้นนวัตกรรมช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ในระบะต่างๆให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกปี 2015 นั้น งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัลจากสำนักนวัตกรรมแห่งชาติ NIA ให้เป็นนวัตกรรมแห่งชาติไทย ในการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ติดเชื้อ HIV มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

         ต่อมางานวิจัยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากผลการใช้ของผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นชัดเจนเนื่องจากช่วยแก้ปัญหาของผู้ติดเชื้อ HIV ทั้ง เพิ่ม CD4, ลดผลข้างเคียงของยาต้าน ในผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านไวรัส,  ช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้ายหรือเรียกว่า เป็นเอดส์แล้ว ให้รอดจากการเสียชีวิต  และ ช่วยให้ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ไม่ได้ใช้ยาต้าน ไวรัส เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ แล้วกว่า 8 ราย และความสำเร็จล่าสุดที่กำลังจะทำให้งานวิจัยนี้กลายเป็นนวัตกรรมโลก คือ

สามารถช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านมาแล้วกว่า 4 ปี ให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ได้แล้ว!!

         สำหรับใครที่ไม่มีข้อมูลด้านนี้มาก่อน เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ นักวิทยาศาสตร์ได้พบเชื้อ HIV ในปี 1983 จนถึงปัจจุบัน(ปี 2021) เป็นเวลา 38 ปีแล้ว ยังไม่มียาตัวใดเลยที่รักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายได้ วัคซีนก็ยังทำไม่สำเร็จ วิธีการควบคุมเชื้อ HIV ทำได้เพียงใช้ยาต้านไวรัส หยุดการเพิ่มจำนวนของเชื้อ HIV ด้วยการไม่ใช้เชื้อ copy ตัวเอง เท่านั้น แต่วิธีนี้ ไม่ได้กำจัดไวรัสโดยสิ้นเชิง เมื่อไหร่ที่หยุดใช้ยาต้านไวรัส เชื้อจะกลับมาเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นที่ผู้ที่ใช้ยาต้านจะต้องใช้ไปตลอดชีวิต แต่ยาต้านไวรัส มีผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งทำให้มีคุณภาพชีวิตลดลง และมีอายุสั้นลงเฉลี่ยประมาณ 10 ปี ซึ่งเกิดจากเซลล์ไม่สามารถซ่อมแซมโครโมโซมที่สั้นลงกว่าปกติ ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส เกิดขึ้นต่อระบบต่างๆของร่างกายทั้งระบบประสาทส่วนกลาง ระบบทางเดินหายใจ ระบบหลอดเลือด ระบบปัสสาวะ ระบบกล้ามเนื้อ ระบบผิวหนังและเนื้อเยื่อ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้าน ต้องการที่จะหยุดการใช้ยาต้านไวรัส แต่ก็ทำไม่ได้

         เนื่องจากว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านไวรัส ต้องทรมานกับผลข้างเคียงของยาต้านมาโดยตลอดและหยุดใช้ไม่ได้ ทางด้านนักวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงพยามหาแนวทางใหม่ที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV มีสุขภาพแข็งแรง “จากการที่มีจำนวนเชื้อ HIV ลดลงจนตรวจไม่พบ โดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส คือมีภาวะ HIV หมดฤทธิ์ หรือ HIV Functional Cure” ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นักวิทยาศาสตร์ต่างๆทั่วโลกพยามอย่างยิ่งที่จะหาวิธีทำให้ได้ แต่ยังไม่มีวิธีมาตรฐานใดๆเลย ที่ทำสำเร็จได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่งานวิจัยของคณะวิจัย Operation BIM ทำได้แล้ว โดยใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด

         ผู้ติดเชื้อ HIV กลุ่มแรกที่คณะนักวิจัย ได้ช่วยให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ หรือ HIV functional cure คือ ผู้ติดเชื้อใหม่ที่ยังไม่เคยรับยาต้านไวรัส ปัจจุบันคณะนักวิจัยได้ช่วยให้ผู้ติดเชื้อใหม่ที่ยังไม่รับยาต้านไวรัส เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ แล้ว 8 ราย ยืนยัน ภาวะ HIV หมดฤทธิ์ จากการที่คนกลุ่มนี้ได้ตรวจเชื้อ HIV แทบทุกเดือน โดยยังคงตรวจไม่พบเชื้ออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบางราย ได้มีการหยุดใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดแล้ว ก็ยังคง “ตรวจไม่พบเชื้ออย่างต่อเนื่อง”

ผู้ที่เกิด ภาวะ HIV หมดฤทธิ์รายแรกนี้ ได้เกิดเมื่อปี 2558 ปัจจุบันมีคุณภาพชีวิตปกติต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว

ผู้ที่เกิด ภาวะ HIV หมดฤทธิ์รายที่2 ยืนยันภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ต่อเนื่อง 28 เดือน และหยุดใช้นวัตกรรม APCO มา 6 เดือนแล้ว ยังคงตรวจไม่พบเชื้อ!!

รายที่3 เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ได้ในเวลาเพียง 3 เดือน หลังการใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV และยืนยันด้วยผลตรวจต่อเนื่อง

รายที่4 เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ได้ในเวลา 8 เดือน หลังการใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV และยังไม่ได้รับยาต้าน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สุขภาพโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ผู้ที่เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ รายที่5 นี้ ตัดสินใจไม่รับยาต้าน เนื่องจากไม่ต้องการรับผลข้างเคียงของยาต้าน

รายที่6 เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ได้ในเวลา 5 เดือน หลังใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดและยังไม่ได้รับยาต้าน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สุขภาพโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

รายที่7 ไม่รับยาต้านด้วยเหตุผลส่วนตัว หลังได้ใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV อย่างต่อเนื่อง 7 เดือน ก็เกิด ภาวะ HIV หมดฤทธิ์

รายที่8 เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ในเวลา 1 ปี หลังการใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV โดยยังไม่ได้รับยาต้าน เนื่องจากสุขภาพโดยรวมยังปกติ และไม่ต้องการรับผลข้างเคียงของยาต้าน

หลังจากช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ใหม่ ที่ยังไม่ได้รับยาต้านให้เกิด ภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ได้แล้ว 8 รายนั้น คำถามต่อมาคือ ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านอยู่ เราจะช่วยเค้าได้มั้ย เพราะถ้าช่วยได้ จะช่วยคนได้อีกเยอะมาก ผู้ติดเชื้อ HIV กลุ่มนี้ในประเทศไทยมีเยอะ

         ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย Operation BIM กล่าวว่า คณะนักวิจัยใช้วิธีการเดียวกันกับ ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ยังไม่รับยาต้าน คือใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่บ้าง เนื่องจากคนกลุ่มที่ใช้ยาต้านอยู่แล้ว ก็ตรวจไม่พบเชื้อเพราะการใช้ยาต้านไวรัสต่อเนื่อง ไปกดไม่ให้ HIV copy ตัวเอง แต่ทันทีที่หยุดใช้ ภายใน 2 สัปดาห์ ไวรัสจะกลับมาเป็นหมื่นเป็นแสน และจะยิ่งดูแลยาก ดังนั้นสิ่งที่ ดร. ย้ำคือ “ถ้าใช้ยาต้านอยู่แล้ว อย่าหยุดในทันที” ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านอยู่ แล้วเข้ามาขอรับคำปรึกษา เพื่อให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ ด้วย จึงถือเป็นความท้าทายใหม่ ของคณะนักวิจัย เพราะหากทำได้ จะช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ได้อีกมาก

       คณะนักวิจัย Operation BIM ได้ช่วยผู้ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านมาแล้ว เพื่อให้เกิดภาวะ HIV หมดฤทธิ์ โดยมีรายละเอียดสุขภาพดังนี้

ARV-FC1 ทานยาต้านไวรัสมาประมาณ 4 ปี
ปีที่ 1 ใช้ยาต้านอย่างเดียว มีผลข้างเคียง

1. ไขมันในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ปกติ
2. ค่าตับสูงกว่าเกณฑ์ปกติ
3. ประสิทธิภาพการทำงานของไตต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
4. มีอาการปวดศีรษะและเวียนศีรษะ หลังทานยาต้าน
5. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
6. นอนหลับไม่สนิท

ปีที่ 2 เริ่มใช้งานวิจัย 4 แคปซูล/วัน
ผลข้างเคียงจากยาต้านเริ่มน้อยลง

ปีที่ 3 ใช้งานวิจัย 6 แคปซูล/วัน
ผลข้างเคียงลดลงเกือบหมด

ปีที่ 4 ใช้งานวิจัย 9 แคปซูล/วัน
ผลข้างเคียงหายไปทั้งหมด
มี CD4 632 cell/cu.mm และ HIV ตรวจไม่พบ
เราจึงรับให้คำแนะนำในการหยุดยาต้าน

         และนี่คือ รายที่1 ของผู้ติดเขื้อ HIV ที่ใช้ยาต้านมาแล้ว รายนี้ใช้ยาต้านมาแล้วกว่า 4 ปี ปัจจุบัน HIV หมดฤทธิ์ แล้ว โดยใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด แต่ระหว่างที่เริ่มใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดยังคงมีการใช้ยาต้านอยู่ และ ค่อยๆลดการใช้ยาต้าน และเพิ่มการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด ตามรูปด้านล่าง

ปัจจุบัน HIV หมดฤทธิ์ แล้วใน 8 เดือน สุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มลดยาต้าน และปัจจุบันสุขภาพแข็งแรงมาก ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า “สิ่งต่อไปที่เราหวังก็คือ จะสามารถค่อยๆ ลดการใช้นวัตกรรมของเรา โดยที่เชื้อ HIV หมดฤทธิ์ หรือ ตรวจไม่พบเชื้อ”

“เป้าหมายสูงสุด ก็คือหยุดการใช้นวัตกรรมของเราแล้ว เชื้อ HIV ก็ยังหมดฤทธิ์ หรือตรวจไม่พบ”

         ภูมิคุ้มกันบำบัดที่คณะนักวิจัย Operation BIM ใช้กับผู้ติดเชื้อ HIV เป็นภูมิคุ้มกันบำบัดจากพืชกินได้ สารสกัดจากพืชธรรมชาติเสริมฤทธิ์กัน และช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง และนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดนี้ได้ช่วยผู้ติดเชื้อ HIV มากมายให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และ HIV หมดฤทธิ์ รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่