การตรวจเชื้อ HIV มีวิธีไหนบ้าง
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ควรตรวจหาเชื้อเป็นประจำ โดยการตรวจที่แม่นยำที่สุดควรตรวจเลือด 3 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 3 เดือน
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ควรตรวจหาเชื้อเป็นประจำ โดยการตรวจที่แม่นยำที่สุดควรตรวจเลือด 3 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 3 เดือน
ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสมีหลายอาการเช่น ปวดตามร่างกาย ปวดท้อง ท้องอืด อาเจียน วิตกกังวล นอนไม่หลับ ประสาทหลอน
การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มCD4 ที่ทำได้ด้วยตัวเอง ตามมาตรฐานโซนการออกกำลังกายจะแบ่งเป็น 5 โซน
การออกกำลังกายเพื่อให้ได้ผลดี ควรเลือกรูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาด้วย เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดทุกครั้งที่ออกกำลังกาย
องค์การอนามัยโลก(WHO) แนะนำว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ควรจะเริ่มการรักษาทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ
ผู้ที่ติดเชื้อ HIV จะถูกเชื้อทำลายระบบภูมิคุ้มกันเป็นอย่างแรกทำให้ CD4 ลดลงและเกิดปัญหาป่วยบ่อยร่างกายอ่อนแอ
ภาวะ HIV สงบ Functional cure คือ สภาวะความสามารถในการลดเชื้อไวรัสจนตรวจไม่พบและไม่กลับมาเพิ่มจำนวนใหม่
เมื่อไวรัสHIV เข้าสู่ร่างกาย จะรีบไปทำลายเม็ดเลือดขาวกลุ่มCD4 ก่อน และการที่จำนวนไวรัสเพิ่มขึ้นจะมีผลกับค่าCD4 อย่างไร วันนี้เราจะมาเล่าถึงตรงนี้กันค่ะ
20 ผู้ใช้ APCOcap จนพ้นภาวะเสี่ยงเป็นเอดส์ ยืนยันด้วยผล Lab
มีการทดลองให้อาสาสมัครที่มีอาการปวดหัวหรือรู้สึกป่วย กินยาโดยกลุ่มแรก บอกว่ายาที่ให้กินมีราคาสูง ส่วนกลุ่มที่ สอง ให้กินยาที่บอกว่ามีราคาถูก ผลปรากฏว่า