โรคร้ายก็เหมือนฝันร้ายของใครหลายคน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนรอบข้าง ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่จะต้องเผชิญกับโรคร้าย นอกเหนือไปจากวิธีการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว จิตใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้เพื่อวันที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นก้อนเนื้อร้ายระยะเริ่มแรกหรือสุดท้าย ติดเชื้อ HIV ในช่วงแรกหรือถึงขั้นพัฒนาเป็นเอดส์ เกิดโรคแทรกซ้อนจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ต่อให้ร่างกายจะย่ำแย่แค่ไหน แต่ถ้าใจบอกว่ายังไหว จากผู้ป่วยโคม่าก็กลับมายืนอย่างสง่าเป็น “ผู้พิชิต” ได้
ถ้าวันนี้รู้สึกห่อเหี่ยว ใจไม่สู้ดี หมดกำลังใจ ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตามในชีวิต อยากให้ลองอ่านเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้ดู พวกเขาคือมนุษย์ผู้พิชิตโรคร้าย 6 คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากการเป็นผู้ป่วยมาได้ บางคนเกือบจะหมดลมหายใจด้วยซ้ำแต่ก็กลับมาเดินเหินรับกลิ่นแห่งความสุขบนโลกใบนี้ได้อีกครั้ง มาดื่มด่ำเรื่องราวของพวกเขากันดีกว่า แล้วคุณจะรู้ว่าปาฏิหาริย์มีอยู่จริง
“คุณอ้อ” กับ มะเร็งเต้านม
เมื่อตอนที่คุณอ้อพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งเต้านม เธอกับคุณชาญผู้เป็นสามีตัดสินใจว่าจะไม่ทำเคมีบำบัดและรังสีบำบัด เนื่องจากได้รับรู้เรื่องราวของผู้ป่วยมะเร็งมาหลายต่อหลายคนว่าการรักษาดังกล่าวยิ่งทำให้ทรมานและอาจจะเสียชีวิตเร็วขึ้น ทั้งสองจึงตัดสินใจที่จะไม่รักษาแล้วอยู่ดูแลกันไปเรื่อย ๆ เพราะในตอนแรกที่ไปตรวจก็พบว่าเป็นก้อนเนื้อร้ายเล็กนิดเดียว แต่พอเวลาผ่านไปคุณอ้อเริ่มป่วยบ่อยขึ้น หายใจเริ่มลำบาก เหนื่อยง่าย ขึ้นบันไดเพียง 3 ขั้นก็แทบจะไม่ไหวเสียแล้ว อาการของคุณอ้อหนักถึงขั้นที่ว่าเคยแผลระเบิดเลือดออกกระจายเต็มห้องน้ำ แต่ยังโชคดีที่เธอมีคุณชาญคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่ก็ประคับประคองกันไปเรื่อย ๆ
จนมาวันหนึ่งคุณชาญได้รู้จักกับ ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย Operation BIM ที่คิดค้นนวัตกรรม “ภูมิคุ้มกันบำบัด” ผ่านรายการโทรทัศน์ คุณชาญจึงตัดสินใจเข้าไปพบ ศ.ดร. พิเชษฐ์ทันที นั่นคือวันที่เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ ในตอนแรกที่คุณอ้อได้รับผลิตภัณฑ์ที่คุณชาญหามาให้ เธอก็ยังไม่คิดว่าตนเองจะรอดเนื่องจากอาการค่อนข้างแย่พอสมควร แต่พอเริ่มกินได้ประมาณ 5 วันก็เห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการขึ้นบันไดก็เหนื่อยน้อยลง
คุณชาญเป็นผู้ที่ทำหน้าที่สามีได้ดีอย่างไม่มีที่ติ ทั้งความเข้มแข็งในจิตใจ ความใส่ใจที่มีให้คุณอ้อ กระทั่งพยายามหาสิ่งดี ๆ เพื่อรักษาภรรยาของตน จากวันนั้นที่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยหอบ ทุกวันนี้คุณอ้อสามารถกลับมาคล่องแคล่วกว่าที่เคย
“คุณโหนก” กับ มะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย
การค้นพบว่าตนเองเป็นมะเร็งระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย บางคนอาจจะใจสลายได้เลย แต่ว่าคุณโหนก คือ ผู้ที่มองโลกในแง่ของความเป็นจริง เมื่อเขารู้ตัวว่าร่างกายเริ่มไม่ไหวในวัย 75 ปี คุณโหนกตัดสินใจบริจาคร่างกายให้กับทางโรงพยาบาลเพื่อที่จะไม่เป็นภาระของคนข้างหลัง เนื่องจากคุณโหนกผ่านการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง มีครั้งที่แผลเน่า เลือดไหลตลอดเวลา มีอาการลุกลามของเซลล์มะเร็งไปยังหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย หลังจากทำการบริจาคร่างกาย คุณโหนกก็ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นเพื่ออำลาเพื่อนฝูงเป็นครั้งสุดท้าย
การที่คุณโหนกตั้งใจจะไปลาเพื่อน ๆ หารู้ไม่ว่านั่นไม่ใช่วันลาแต่อย่างใด เพราะวันนั้นเป็นวันที่คุณโหนกได้ต่อชีวิตตนเองไปอีกยาว เขาได้เจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่แนะนำให้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ APCO ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้นเพื่อไปต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง คุณโหนกบอกกับตนเองว่า “ไม่มีอะไรต้องสูญเสีย ทำไมเราจะไม่ทดลองล่ะ” นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของคุณโหนกเลยทีเดียว
จากการรักษาตนเองด้วย “ภูมิคุ้มกันบำบัด” สร้างเม็ดเลือดขาวเซลล์ T พิฆาตไปจัดการฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อทั้งหลายในร่างกาย สุดท้ายแล้วคุณโหนกก็กลับมารื่นเริง ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง และส่งข่าวไปบอกคนรอบข้างว่าอาการดีขึ้นมาก ผู้คนก็ล้วนแล้วแต่แสดงความยินดีกับเขาทั้งนั้น
“คุณเค” กับ การแพ้ยาต้านไวรัส HIV
ความโชคดีในเรื่องร้าย ๆ ของคุณเคคือพื้นฐานของเขาเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายมาก ส่งผลให้เชื้อ HIV ทำอะไรคุณเคได้ไม่มาก อันที่จริงในตอนแรกที่ตรวจพบว่าตนเองเป็นผู้ติดเชื้อเขาก็ทำใจไม่ค่อยได้เหมือนกันเพราะคุณเคเองเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงใด ๆ แต่บังเอิญติดเชื้อมาจากแฟนเก่า เมื่อตรวจพบเชื้อ HIV ก็เลิกรากันไป คุณเคเหลือเพียงคุณแม่ที่ให้กำลังใจในวันที่ท้อแท้สิ้นหวัง อีกทั้งในช่วงที่คุณเคได้รับยาต้านไวรัสนั้นร่างกายไม่รับเลย มีอาการข้างเคียงมากมาย เขาจึงพยายามหาทางเพื่อที่จะหยุดใช้มันโดยไม่ให้กระทบกับร่างกายและเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัสร้าย
อย่างที่กล่าวไปว่าคุณเคเป็นคนชอบออกกำลังกาย เขาจึงเข้าร่วมโครงการ APCO Life Fitness Challenge ท้าทายชีวิตด้วยการเข้าฟิตเนส ซึ่งเป็นโครงการที่ดูแลโดย ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ติดเชื้อ HIV สร้างภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกายและไม่ใช้ยาต้านไวรัส
ทุกวันนี้ค่า CD4 ของคุณเคขึ้นไปถึงหลักพัน ซึ่งดูจะแข็งแรงกว่าคนปกติด้วยซ้ำ การเป็นผู้ติดเชื้อนั้นทำให้คุณเคอยากจะบอกกับเพื่อนร่วมโลกว่า “ใช้ชีวิตอย่าประมาท คนเราสมัยนี้ดูกันยาก ทางที่ดีคือตรวจเลือดก่อนคบกันจะดีที่สุด”
“คุณเอ” กับ HIV และ มะเร็งที่มาด้วยกัน
ตลอดระยะเวลาที่ต่อสู้กับเชื้อ HIV จนเกิดโรคแทรกซ้อนที่กลายมาเป็นก้อนเนื้อร้ายที่สมองแล้วลุกลามไปยันต่อมน้ำเหลืองและกระดูกไขสันหลัง คุณเอยืนยันเสียงแข็งว่า “มะเร็งน่ากลัวกว่าเยอะ” เพียงเท่านี้ก็คงจะเข้าใจความทรมานที่คุณเอได้เจอแล้ว เธอเป็นผู้ป่วยติดเตียงเดินไม่ได้อยู่เป็นเดือน ช่วงนั้นคุณเอท้อแท้ซ้ำยังไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่ เพราะคุณหมอไม่บอกเจ้าตัว บอกเพียงครอบครัวเท่านั้น
คุณแม่คือกำลังสำคัญในการดูแลคุณเอ ด้วยความรักที่แม่มีต่อลูกก็พยายามสรรหาสิ่งที่จะช่วยให้อาการของลูกสาวดีขึ้น แล้วเธอก็ได้ไปเสิร์ชเจองานวิจัยของ ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หลังจากที่คุณเอได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ APCO ประมาณเกือบเดือน เธอก็รู้สึกว่าอาการเจ็บปวดทางร่างกายลดลง พอเวลาผ่านไปอีกสักพักก็เริ่มกลับมาเดินได้
เธอบอกว่านวัตกรรม “ภูมิคุ้มกันบำบัด” คือสิ่งที่ทำให้เธอกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณเอรู้สึกเหมือนจะหมดลมหายใจแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีกำลังใจจากคนรอบข้าง ไม่มีนักกายภาพบำบัดประจำตัว และไม่ได้รู้จักกับ APCO เธอคงไม่มีวันนี้เลยจริง ๆ
“คุณใหม่” กับ HIV ที่พรากดวงตาของเธอไปตลอดกาล
สำหรับคนที่คิดว่าจะไม่รักษาอาการเจ็บป่วยแล้วปล่อยให้ถึงวันสุดท้ายของชีวิตไปเลย จึงละเลยที่จะดูแลตนเอง อยากให้ลองอ่านเรื่องของคุณใหม่ดูแล้วจะรู้ว่าจุดจบมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป เพราะคุณใหม่คือผู้ที่ปล่อยชีวิตเสเพลหลังจากรู้ว่าตนเองติดเชื้อ HIV คิดแค่ว่าจะใช้ชีวิตสุดโต่งเพราะคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน จนค่า CD4 ลดลงไปเหลือ 6 ซึ่งเป็นภาวะที่น่ากลัวมาก หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นวัณโรค (TB; Tuberculosis) ไวรัสตับอักเสบบี (HBV; Hepatitis B virus) ติดเชื้อในลำไส้ และเธอก็ได้สูญเสียการมองเห็นไปเลยเพราะเชื้อ Cytomegalovirus (CMV)
พอร่างกายทรุดหนัก ซ้ำยังมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว แต่คุณใหม่ยังมีแม่ที่คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ เธอบอกกับคุณแม่ว่า “ตาบอด แต่ใจเราไม่บอดนะ” คุณแม่ก็บอกกับเธอว่า “สู้ ๆ นะ แม่อยู่เคียงข้าง” จนมาวันหนึ่งผู้อุปถัมภ์ของคุณใหม่ก็ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ APCO มาให้เธอได้ลอง จนค่า CD4 เพิ่มขึ้นเป็น 200 ในระยะเวลา 3 เดือน
ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา พูดถึงกรณีของคุณใหม่ว่า เคสของคุณใหม่คือผู้ที่ CD4 ต่ำกว่า 200 โดยตั้งใจว่าจะเพิ่ม CD4 เพื่อให้พ้นจากภาวะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ด้วยวิธีการที่ภูมิคุ้มกันบำบัดนั้นไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวเซลล์ T พิฆาต เพื่อให้ไปฆ่าเซลล์ทุก ๆ ชนิดที่ผิดปกติในร่างกาย ซึ่งวิธีนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้คนที่ภูมิคุ้มกันต่ำได้อย่างยั่งยืน
“คุณนิว” กับ การต่อสู้ HIV ด้วยรอยยิ้ม
คุณนิวก็เป็นอีกหนึ่งท่านที่ต้องต่อสู้กับเชื้อ HIV ที่พัฒนามาเป็นมะเร็ง ซึ่งเธอเป็นมะเร็งที่ปากมดลูก วิธีการรักษาในตอนแรกของเธอคือการฝังแร่ เคมีบำบัดและรังสีบำบัด คุณนิวผ่านกระบวนการเหล่านี้มาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน นอกจากนี้เธอยังเคยสมองบวมและต้องดูอาการอยู่ ICU ถึง 3 วัน แต่ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวที่เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี ชีวิตมีความหวังเสมอ เธอบอกว่าเธอมีกำลังใจสู้ต่อเพื่อตนเองอย่างไม่ย่อท้อ
แม้ว่าร่างกายจะแทบทนกับโรคร้ายไม่ไหว แต่ถ้าใจยังเดินหน้าก็ไม่มีอะไรมาขวางกั้น ระหว่างที่เธอทำงานก็บังเอิญได้เจอกับผลิตภัณฑ์ APCO เธอจึงไหว้วานให้เพื่อนช่วยสั่งให้ พออาการเริ่มดีขึ้นคุณนิวก็ดันหยุดไปเสียอย่างนั้น ทำให้ร่างกายกลับมาแย่อีกครั้ง อาการป่วยจากก้อนเนื้อร้ายของเธอเริ่มรุนแรงขึ้น ก็เลยตัดสินใจใช้ APCO เพื่อทำ “ภูมิคุ้มกันบำบัด” เป็นรอบที่สอง ทุกวันนี้อาการเธอจึงกลับมาดีขึ้นได้
ลูกสาวของคุณนิวบอกตลอดว่าถ้าไม่มี APCO คุณแม่ต้องแย่แน่ ๆ คุณนิวยิ้มกว้างแล้วบอกกับทางทีมงานว่าดีใจมาก เหมือนเกิดใหม่ ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ได้เปลี่ยนชีวิตใหม่ให้และคอยดูแลสุขภาพมาโดยตลอด รู้สึกขอบคุณมาก ๆ
หนึ่งในสิ่งที่ผู้คนมักปรารถนาให้แก่ชีวิตก็คือ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เพราะการไม่เจ็บป่วยไม่มีโรคภัยนั้นเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ก็เป็นธรรมดาที่คนเราเกิดมาต้อง แก่ เจ็บ ตาย กันทั้งสิ้น ดังนั้นการมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ว่าจะร้ายหรือดีต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคุณเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงก็รักษาสุขภาพให้คงอยู่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่หากว่าคุณมีโรคภัยไข้เจ็บที่กำลังเผชิญอยู่…ทำใจให้สบาย อย่ากังวลจนเครียด ดูแลรักษาตนเองและเชื่อว่าสักวันสิ่งต่าง ๆ จะต้องดีขึ้นมาได้ เพราะคนที่เจ็บป่วยหนักหนาสาหัสยังกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ทำไมคุณจะทำไม่ได้ล่ะ!