โรคหนองในแท้ หรือ โรคโกโนเรีย (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากเป็นอันดับต้นๆในบรรดาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หนองใน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หากไม่รักษาอาการก็อาจจะดีขึ้นเพียงนิดหน่อยแต่ก็ยังมีโรคนั้นอยู่ และอาจมีอาการแทรกซ้อนตามมาอีกได้ จึงเป็นอีกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หากเป็นแล้วควรดูแลรักษาให้หาย
อาการหนองในที่สังเกตได้
เนื่องจากเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย อาการจึงจะแสดงออกในบริเวณอวัยวะที่ได้รับเชื้อมาโดยตรง
ช่วงแรกอาจไม่มีอาการ แต่อาการจะเริ่มมีใน 2-10 วันหลังได้รับเชื้อ หากติดเชื้อในลำคออาจทำให้มีอาการเจ็บคอหรือเป็นไข้ หากติดเชื้อที่อวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก จะปวด หน่วง คัน หรือมีน้ำหนองไหลออกมาหรือในเวลาที่ขับถ่าย ผู้ชายจะมีอาการแสบ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหลมาจากท่อปัสสาวะ ผู้หญิง จะมีอาการตกขาวผิดปกติ
ผู้ชาย ประมาณ 10% อาจติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ แต่ยังแพร่เชื้อให้คนอื่นได้
ผู้หญิง ประมาณ 50% อาจติดเขื้อแต่ไม่แสดงอาการ และยังแพร่เชื้อได้เช่นกัน
เป็นหนองในถ้าปล่อยไว้ หายขาดเองไม่ได้
-หากไปเสี่ยงมาและมีอาการที่คิดว่าอาจเป็นหนองในควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
-ประมาณ 30% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคหนองในแท้ มักจะเป็นหนองในเทียม จากการติดเชื้อ (Chlamydia) ร่วมด้วย แพทย์จึงมักจะรักษาไปพร้อมๆ
-ผู้ที่ติดเชื้อหนองในควรได้รับการเจาะเลือดเพื่อตรวจวีดีอาร์แอล (VDRL – Venereal Disease Research Laboratory) เพื่อตรวจหาว่ามีการติดเชื้อซิฟิลิสร่วมด้วยมั้ย โดยแนะนำว่าควรตรวจครั้งแรกก่อนเริ่มให้การรักษา และไปตรวจซ้ำในอีก 3 เดือนถัดไป นอกจากนี้ก็แนะนำให้ตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) และโรคไวรัสตับอักเสบบีพร้อมกันไปด้วย
-สำหรับผู้หญิงที่มีอาการหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ร่วมกับมีไข้สูง ปวดท้องน้อง ปัสสาวะขัด ตกขาว อาจเป็นอาการของปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง
-กรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนแล้ว เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เกิดภาวะมีบุตรยาก ผู้ป่วยอาจจะต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดแก้ไข
-ถ้ากรณีที่ ผู้หญิงตั้งครรภ์เป็นหนองใน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโรคนี้ให้หายขาด ไม่เช่นนั้น ลูกอาจจะเกิดการติดเชื้อในระหว่างคลอด ทำให้เกิดตาอักเสบรุนแรงไปจนถึงทำให้ตาบอดได้ หรืออาจเกิดการติดเชื้อรุนแรงกับอวัยวะอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของลูกได้