ออกกำลังกาย… ยาต้านไวรัสชั้นดี HIV ก็รักษาได้
ออกกำลังกาย… ยาต้านไวรัสชั้นดี HIV ก็รักษาได้

ออกกำลังกาย… ยาต้านไวรัสชั้นดี HIV ก็รักษาได้

ออกกำลังกายยาต้านไวรัส ชั้นดี

         โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ติดเชื้อ HIV เมื่อตรวจพบว่าร่างกายติดเชื้อ มักจะเริ่มต้นรักษาด้วยการรับยาต้านไวรัสเพื่อให้สามารถต่อสู้กับเชื้อที่อยู่ในร่างกายได้ ซึ่งการใช้ยาต้านไวรัสนั้นมักจะมีผลข้างเคียง เพราะเมื่อยาออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่ติดเชื้อแล้ว จะมีผลกระทบไปถึงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับเชื้อ HIV ในร่างกายของผู้ติดเชื้อ มีทั้งท้องเสีย ท้องอืด อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดหรือเวียนศีรษะ หรือบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงชีวิต หมายความว่าผู้ติดเชื้อจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับตัวยาให้เหมาะสมกับร่างกาย หลาย ๆ คนจึงอยากจะหยุดใช้ยาต้านไวรัสเพราะทนกับผลข้างเคียงไม่ไหว โดยการหยุดใช้ยา เชื้อจะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เชื้อ HIV เพิ่มขึ้น เชื้อจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว CD4 (T-helper) ซึ่งเป็นตัวภูมิคุ้มกันสำคัญ เมื่อค่า CD4 ถูกทำลายจนต่ำลงเรื่อย ๆ ร่างกายก็จะอ่อนแอ ท้ายที่สุดแล้วก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกเชื้อ HIV ทำลายจนกลายเป็นโรคเอดส์ (AIDS) นั่นคือระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV

“การหยุดรับยาต้านไวรัส เหมือนจะเป็นไปได้ยาก แต่เป็นไปได้แน่นอน”

         ดูเหมือนว่าการหยุดรับยาต้านไวรัสจะเป็นเรื่องที่ลำบากจริง ๆ ครั้นจะทนกับผลข้างเคียงอันแสนทรมานทั้งร่างกายและจิตใจก็จะไม่ไหวเอาได้ แต่ทุกเรื่องบนโลกนี้มักเป็นไปได้เสมอ ด้วยนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดที่คิดค้นโดยคณะนักวิจัย Operation BIM ที่มี ศ.ดร .พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา เป็นผู้นำในการทดลองมาตลอดระยะเวลากว่า 42 ปี จนสามารถทำให้เชื้อ HIV หมดฤทธิ์โดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัสอีกต่อไป

         “โดยปกติเราจะไม่เรียกเขาว่าเป็นผู้ป่วย เราเรียกว่าผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อหมายความว่าเพิ่งจะติด แล้วก็ยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ คือมีค่าเม็ดเลือดขาว CD4 (T-helper) ที่ยังสูงอยู่ เม็ดเลือดขาว CD4 ก็คือเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกัน โดยปกติเชื้อ HIV จะเข้าไปที่เม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกันเหล่านี้ แล้วก็เข้าไปเพิ่มจำนวนโดยการ Copy ตัวมันเองใน CD4 พอถึงจุดนึงมันก็ทำลาย CD4 เม็ดนั้น

         ภูมิคุ้มกันบำบัดของเราจะเข้าไปช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกัน CD4 ในขณะเดียวกันมันจะไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวอีกตัวคือ เม็ดเลือดขาวเซลล์ T พิฆาต (Killer T cell) หน้าที่ของเซลล์ T พิฆาตคือ มันจะไปวิ่งไล่จับเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ติดเชื้อ เกาะติด แล้วก็พ่นสาร Grandzyme เข้าไป ย่อยสลายเซลล์ที่ติดเชื้อนั้น รวมทั้งเชื้อที่อยู่ในเซลล์ เพราะเชื้อที่อยู่ในเซลล์และเซลล์ติดเชื้อเป็นโปรตีนทั้งหมด สาร Grandzyme ที่เซลล์ T พิฆาตส่งเข้าไป มันย่อยสลายโปรตีนได้อย่างราบคาบ ดังนั้นทั้งเชื้อทั้งเซลล์ตายหมด เราฆ่าเชื้อ HIV ได้ ต่างจากผลิตภัณฑ์ยาต้านไวรัสที่ระงับไม่ให้มันขยายแต่เชื้อก็ยังซ่อนอยู่ในนั้น”

         เรียกว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนที่อยากจะหยุดยาต้านไวรัสเลยทีเดียว จากตอนต้นที่กล่าวว่าการหยุดยานั้นจะทำให้เชื้อ HIV เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดของ Operation BIM ช่วยให้ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถหยุดยาต้านไวรัสได้โดยไม่ต้องกังวล ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อเองต้องดูแลสุขภาพของตนเองควบคู่กันไปด้วย โดยใช้วิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

         เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อ HIV ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจนสุดท้ายกลายเป็นโรคเอดส์ การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด ออกกำลังกายอย่างเสมอ และดูแลเรื่องอาหาร ต้านโรคเอดส์ได้แน่นอน นอกจากนวัตกรรมที่ ศ.ดร. พิเชษฐ์และทีมคณะนักวิจัยจะคิดค้นขึ้นมาแล้ว ยังมีโครงการ “APCO Fitness Challenge” สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV อีกด้วย แนวคิดหลักคือการรับสมัครผู้ติดเชื้อเข้ามาในโครงการ ท้าทายชีวิตด้วยการเข้าฟิตเนสโดยไม่ใช้ยาต้านไวรัส ผลลัพธ์ของโครงการนี้เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เพราะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ติดเชื้อจนสุดท้ายตรวจไม่พบ HIV ในร่างกายอีกต่อไป

         คุณเค คือหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการนี้ เขาคือผู้ที่ติดเชื้อ HIV จากแฟนและได้เลิกรากันไป ในช่วงแรกของการรักษาประมาณครึ่งปี เขาทรมานกับผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสมาก มีทั้งอาการตัวบวม ท้องอืด จนทนไม่ไหวและหาทางให้ตัวเองออกจากยาต้าน จนได้มารู้จักกับ APCO และได้เข้าร่วมโครงการ APCO Fitness Challenge ด้วยพื้นฐานของคุณเคที่เป็นคนติดการออกกำลังกายอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นคนที่เลือกกินอาหารมีประโยชน์ ของหมักดองก็ไม่กิน ตอนที่รู้ตัวก็เพิ่งเริ่มติดเชื้อได้แค่ 1 เดือน จึงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ที่จะหยุดยาต้านไวรัส นอกจากนี้คุณเคยังเข้ารับการตรวจเชื้อทุกเดือน จนเขาเข้าร่วมโครงการได้ครบ 1 ปี ก็ไปตรวจไม่เจอเชื้ออีกเลย

         ในวันที่คุณเคตรวจค่า HIV แล้วผลลัพธ์คือ Not detected วันนั้นเป็นวันที่เขาดีใจมาก มีกำลังใจในการใช้ชีวิตเกินร้อย แต่ก็ยังไม่วางใจ ไม่ละเลยการดูแลตัวเอง เขาดูแลตัวเองมาเรื่อย ๆ จนตรวจพบว่าค่า CD4 ขึ้นไปสูงถึง 1,083 ซึ่งสูงมาก เรียกได้ว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี คุณเคไม่ป่วยและไม่พบเชื้อ HIV ในร่างกายแล้ว เขาเล่าว่าในตอนแรกก็ไม่ได้เชื่อมั่นว่าจะหายจากเชื้อ HIV ได้ 100% แต่ด้วยการปฏิบัติตัวและได้รับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ตอนนี้เชื่อแล้วว่าต้องหายได้ และอยากจะให้กำลังใจกับผู้คนว่าอย่าไปกลัว ให้ต่อสู้กับ HIV อย่างเข้าใจและจริงจัง เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาเหมือนได้ชีวิตใหม่

         ทั้งนี้คุณเคยังเตือนสติให้กับคนที่กำลังมีความรักว่าอย่าใช้ชีวิตประมาท อย่ารักสนุก จะคบใครควรจะตรวจเลือดก่อนเป็นการดีที่สุด แม้ว่าคุณเคจะไม่ใช่คนรักสนุกแต่ก็พลาดติดเชื้อ HIV มาได้ ส่วนใครที่ติดเชื้อแล้วก็อย่าเพิ่งกลัวหรือท้อถอย ลองศึกษาวิธีรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เพียงเท่านี้คุณก็จะหายจากเชื้อ HIV ได้เป็นปลิดทิ้ง