กำลังใจในการทำงานของเรา คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้มีปัญหาสุขภาพ
กำลังใจในการทำงานของเรา คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้มีปัญหาสุขภาพ

กำลังใจในการทำงานของเรา คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้มีปัญหาสุขภาพ

Thnaks for living รายที่เกิดจาก ‘คำขอบคุณ’

โดยปกติแล้ว คำว่า ‘ขอบคุณ’ เราจะได้ยินจากผู้ป่วย คนไข้ ที่อยากขอบคุณ คุณหมอ ที่รักษาให้หายโรค ซึ่ง APCO เองได้คิดค้นวิจัยนวัตกรรมเพื่อช่วยยกระดับให้ผู้มีปัญหาสุขภาพมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการทำงานของคณะวิจัย Operation BIM เป็นเวลากว่า 10 ปี APCO ได้เห็นผู้มีปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อร้าย ติดเชื้อ HIV สุขภาพตา ข้อเข่าเสื่อม SLE ภูมิแพ้ ฯลฯ กลับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้เอง เป็นคุณค่าทางจิตใจ เป็นกำลังใจหลัก ในการทำงานของ ที่ APCO เองอยากขอบคุณพวกเขาเช่นกันที่ยังมีชีวิตอยู่

         ในรายการจะมีช่วง รับสาย คือให้ผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาสุขภาพกับ ดร. โทรเข้ามาแชร์เรื่องราว โดย ดร. จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองและความรู้ด้านสุขภาพต่างๆเพื่อช่วยให้ผู้มีปัญหาสุขภาพแต่ละรายมีแนวทางการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีขึ้น

ผู้มีปัญหาเนื้อร้าย ที่ปัจจุบันมีชีวิตปกติ เคสที่ ดร. ประทับใจที่สุด

           เป็นเคสที่ดร. รู้สึกอินไปกับพัฒนาการด้านสุขภาพที่ดีขึ้นตลอด 6 ปี ที่ได้ดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพรายนี้ เนื่องจากว่า คุณอ้อ ผู้เป็นเนื้อร้ายที่เต้านมหลังตรวจพบ ไม่ได้เข้ารับการรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะเห็นคนรอบตัวต้องเสียชีวิตระหว่างการรักษาที่เกิดผลข้างเคียงเยอะ คุณอ้อเลือกที่จะไม่รักษาแต่ดูแลตัวเองจากการกินอาหารหรืออกกำลังกายแทน แต่เนื้อร้ายกลับลุกลามมากขึ้นจนกระทั่ง ‘เต้านมระเบิด’ แต่มีคุณชาญ ผู้เป็นสามี ที่คอยดูแลให้กำลังใจช่วยหาทางออกเสมอจน คุณชาญมาพบกับ ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย Operation BIM ผู้พัฒนา นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ ดร. ได้เริ่มดูแลปัญหาเนื้อร้ายของคุณอ้อ ที่สำคัญคือ คุณชาญแม้ว่าไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาก่อนเลยก็อุตส่าห์ไปศึกษาเกี่ยวกับ ‘การสร้างภูมิคุ้มกัน’ เพื่อจะมาบอกคุณอ้อว่า อาการของคุณอ้อ ดีขึ้นมาได้อย่างไร รายนี้จึงประสบความสำเร็จในการดูแลปัญหาเนื้อร้ายเต้านมจนมีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบัน

         ดร. กล่าว่าจริงๆแล้วนอกจากเคสคุณอ้อ ผู้เป็นเนื้อร้ายเต้านมที่เข้ามีปรึกษากับเราก็มาอีกมากมายทั้งเป็นหนักกว่าและน้อยกว่าคุณอ้อ แต่ในกรณีของคุณอ้อ ที่ประสบความเร็จในการดูแลปัญหาสุขภาพเป็นอย่างดี เพราะในส่วนของผู้มีปัญหาสุขภาพเองก็มีผลมากคือ

  • ความมั่นใจในนวัตกรรม
  • การปฏิบัติตัวตามที่เราแนะนำ
  • มีกำลังใจดี

ทั้ง 3 ข้อนี้สำคัญหมดและเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพด้วยนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด ‘เห็นผล’

สายแรก คุณหนิง ผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ HIV

         คุณหนิง ทราบว่าแฟนติดเชื้อ HIV จากการรักษาตัวในรพ. ด้วยอาการปอดบวม และได้ทราบจากการเจาะเลือดจึงทราบว่าเป็นผู้ติดเชื้อ วินาทีนั้นเป็นตอนที่คุณหนิงรู้สึกว่าโลกมืดไปหมด เราจะไปยังไงต่อ เราจะดูแลแฟนได้อย่างไร จะต้องให้กำลังใจกันเพื่ออยู่ต่อไปยังไง? ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งแรกที่ตรวจพบเชื้อนั้น ก็พบว่าค่า CD4 อยู่ที่ 22 เพื่อจะหาทางช่วยดูแลแฟนให้อยู่รอดจากการติดเชื้อนี้ได้ คุณหนิงหาข้อมูลมากมายจนมาพบ นวัตกรรม APCO ที่มีงานวิจัยรองรับจึงได้ลองให้แฟนใช้ ระหว่างรักษาตัวที่รพ.

         “ในกรณีของแฟนคุณหนิง ดร. อธิบายว่า ครั้งแรกที่ไปตรวจพบว่ามี CD4 22 นั้นหมายความว่ามีการติดเชื้อมานานแล้ว เพราะเชื้อ HIV จะทำลาย CD4 ลงเรื่อยๆจนติดเชื้อฉวยโอกาส โรคปอดนี้เป็นการติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งอาจเป็นเชื้อวัณโรคที่เข้ามาแทรกตอนภูมิคุ้มกันตกลง นี่คือลักษณะทั่วๆไปของคนที่ติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้ายหรือที่เรียกว่า ระยะผู้ป่วยเอดส์ นั่นเอง ซึ่งถ้าหากไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันและการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องโอกาสรอดชีวิตถือว่าน้อย เพราะถ้าตรวจพบครั้งแรก CD4 22 จากตัวเลขนี้บอกได้ว่าน่าจะติดเชื้อมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน” ดร. กล่าว

เวลาของข่าวดี

         หลัง ดร. ได้รับฟังเรื่องราวของแฟนคุณหนิง ที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ.ด้วยโรคปอด และมีการใช้นวัตกรรม APCO ร่วมด้วย แต่ CD4 ยังไม่ขึ้นมามากเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นเพราะช่วงที่รักษาตัว คุณหมอให้ยากดภูมิด้วย จึงทำให้ CD4 ยังถือว่าน้อยอยู่ ดร. อธิบายว่าถ้าหมดฤทธิ์ของยากดภูมิและยังใช้นวัตกรรม APCO อยู่มีโอกาสมากที่ CD4 จะเพิ่มขึ้นมาได้อีกมาก เนื่องจากเข้าใจถึงค่าใช้จ่ายของคุณหนิงและความลำบากที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ สุดท้าย ดร. ยินดีมากที่จะบอกคุณหนิงว่า “นักวิจัยของถือโอกาสช่วยแฟนคุณหนิง จนมี CD4 300-400 ใน 3-4 เดือนนี้ จะติดต่อคุณหนิงให้ได้ใช้นวัตกรรม APCO ”

สายที่2 คุณบอย ผู้ติดเชื้อ HIV

ปัญหาของคุณบอยไม่ต่างจากผู้ติดเชื้อคนอื่นๆ เมื่อทราบว่าตัวเองติดเชื้อ คุณบอยรู้สึกหมดหวังกับชีวิต เพราะที่รู้มาตลอดคือโรคนี้เป็นแล้วรักษาไม่หาย คิดว่าตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน…

         ช่วงแรกที่เชื้อ เริ่มทำร้ายร่างกาย คุณบอยน้ำหนักลดลงจาก 55 เหลือ 43 ตัวดำขึ้น เล็บม่วง เหนื่อยง่าย

         คุณบอยเข้ารับการรักษาในรพ.ช่วงแรกกินยาต้านไวรัส และเกิดผลลข้างเคียงหลายอย่าง ทั้งไม่สบาย ปวดหัว อาเจียน ซึ่งการทำงานของยาต้านคือจะไปกดไวรัสไม่ให้ copy ตัวเองเพิ่ม หลังร่างกายคุณบอยปรับตัวกับยาต้านได้ อาการที่เป็นผลข้างเคียงเริ่มเป็นๆหายๆ

สูญเสียความทรงจำเพราะไวรัสขึ้นสอง

ช่วงปลายปี 62 หลังกินยาต้านมา 7 ปี ร่างกายเริ่ม ‘ดื้อยาต้าน’ ไวรัสขึ้นสมอง ‘สูญเสียความทรงจำ’ คุณหมอบอกว่าไวรัสเป็นเชื้อรากินสองข้างขวาหมด จนแขนขาอ่อนแรง ‘เดินไม่ได้’ ช่วงนั้นคุณบอยมี CD4 ไม่ถึง 10

คุณแม่พยามหาวิธีช่วยให้ลูกดีขึ้นจากการติดเขื้อ

คุณแม่ของคุณบอยเป็นผู้ที่ช่วยดูแลและหาข้อมูลเพิ่มเติมจนเจอนวัตกรรม APCO หลังคุณบอยใช้นวัตกรรม APCO ได้ 6 เดือน เริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น อาการปวดตามแขนขาน้อยลงมาก นอนหลับดี จากที่แต่ก่อนนอนไม่หลับเลยต้องเรียกแม่ตลอด ปัจจุบันคุณแม่ช่วยให้น้องบอยกายภาพด้วยการปั่นจักรยาน ผิวพรรณดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก

“ผม รู้สึกดีใจนะบอยที่ได้ยินเสียงหัวเราะเนี่ย ผมดีใจมากๆเลย เพราะว่านี่คือสิ่งที่คณะนักวิจัยของเรา อยากจะได้เห็น อยากจะได้ยิน ได้ฟัง เคสนี้ ผมช่วยครับ”

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา

         หลักการของรายการ Thanks for living คือหลังจากที่คุยการสายทางบ้านที่โทรเข้ามา คณะนักวิจัยจะช่วยให้คนเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตดีและแข็งแรงเป็นปกติต่อไป และทีมงาน APCO ทุกคนขอบคุณผู้มีปัญหาสุขภาพทุกรายที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่