ผู้ติดเชื้อ HIV เสมือนหาย (HIV Cured-like) โดยใช้ ภูมิคุ้มกันบำบัดจากพืชกินได้
ผู้ติดเชื้อ HIV เสมือนหาย (HIV Cured-like) โดยใช้ ภูมิคุ้มกันบำบัดจากพืชกินได้

ผู้ติดเชื้อ HIV เสมือนหาย (HIV Cured-like) โดยใช้ ภูมิคุ้มกันบำบัดจากพืชกินได้

วงการเเพทย์ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ต้านไวรัส รักษาโรคเอดส์หรือการติดเชื้อ HIV เเต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะผลิตภัณฑ์ต้านไวรัสไม่ได้ฆ่าเชื้อ HIV มันเพียงไประงับการ Copy ตัวเองของไวรัส อีกทั้งผลิตภัณฑ์ต้านไวรัสเหล่านี้มีผลข้างเคียง ทั้งระยะสั้นระยะยาว โดยสรุปเเล้วคือผลิตภัณฑ์ต้านควบคุมเชื้อ HIV ควบคุมโรคเอดส์ ได้ระดับหนึ่ง เเต่รักษาไม่ได้

เพราะทันทีที่หยุดใช้ HIV จะกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขึ้นมาเป็นหมื่นเป็นเเสน ภายในเวลา 15 วัน ภายใน 30 วัน

ในระยะเวลา 4-5 ปีหลัง จึงมีความพยายามที่จะใช้วิธีการอื่น เพื่อจะความคุมเชื้อ HIV หรือฆ่าเชื้อ HIV โดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ต้าน และมีการเเข่งขันกันของหลายๆ บริษัท เเต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

คณะนักวิจัย Operation BIM ของเราได้ประสบความสำเร็จในการสร้างสูตร สูตรหนึ่งที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างชัดเจน โดยมีการทดสอบที่ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการเเพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าสามารถกระตุ้น เม็ดเลือดขาว Th1 ได้ถึง 200% เเละ Th 17 ได้ถึง 500% ในวันที่ 15 จากการ ใช้เพียง 4 เเคปซูลต่อวัน

เม็ดเลือดขาว Th1 เเละ Th17 ที่เรากระตุ้นขึ้นมามีคุณสมบัติในการหลั่งสารที่จะจัดการกับเชื้อ HIV และเชื้อไวรัสต่างๆ ได้ เเละนอกจากนี้เเล้วทั้ง Th1 เเละ Th17 ก็จะร่วมกันกระตุ้นเม็ดเลือดขาวอีกตัวหนึ่งในร่างกายของเราก็คือ เซลล์ T พิฆาต หรือ killer T cell ซึ่งมีหน้าที่หลักในการจัดการกับสิ่งเเปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย

ล่าสุดเราก็ได้พบว่า เราสามารถช่วยผู้ที่ติดเชื้อ HIV ใหม่ ที่ยังไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ต้านไวรัสเลย ให้ตรวจไม่พบเชื้อ HIV อย่างต่อเนื่องเเล้ว 8 ราย เเล้วก็ยังมีผู้ที่มีเชื้อ HIV ลดลงมาเรื่อยๆ อีก 10 ราย รวมทั้งหมด 18 ราย

ทำให้เราเชื่อมั่นว่านวัตกรรมของเราสามารถทำให้เชื้อ HIV หมดฤทธิ์ หรือ เสมือนหาย และอาจจะปลอดเชื้อแล้วก็ได้

นวัตกรรม APCO หรือ A.I. (APCO Immunotherapy) / ภูมิคุ้มกันบำบัด APCO / APCOcap

ไม่ใช่ชื่อเครื่องหมายการค้า แต่เป็นเป็นชื่อสูตรงานวิจัยที่ คณะนักวิจัย Operation BIM ได้ตั้งขึ้น

ซึ่งพัฒนามาจากสูตร BIM หรือ BIM100 (Balancing Immunity)

ที่พัฒนาต่อเนื่องจากงานวิจัยสารสกัดจาก มังคุด ที่วิจัยตั้งแต่ปี 2520 จนถึงปัจจุบัน