วิธีที่จะบอกได้จริงๆว่าเราติดเชื้อมารึเปล่า? คือ ’การตรวจเลือด’ ย้ำนะคะว่า ’ตรวจเลือด’ ไม่ใช่การบริจาคเลือดเพื่อตรวจว่าเลือดเป็นบวกรึเปล่า ซึ่งการทำแบบนั้นอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อผู้อื่นได้
และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ควรตรวจหาเชื้อเป็นประจำ โดยการตรวจที่แม่นยำที่สุดควรตรวจเลือด 3 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 3 เดือน เนื่องจากการตรวจเพียงครั้งเดียวอาจยังไม่พบเชื้อทันที เพราะทันทีที่เชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกายแล้วจะใช้เวลาในการกระจายตัวและเข้าสู่กระแสเลือดจึงจะตรวจพบ
การตรวจเชื้อ HIV มี 3 วิธี หลักๆดังนี้
1. การตรวจแบบ Anti HIV
ใช้สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV มาเกิน 1 เดือน ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถตรวจได้ฟรี ที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศปีละ 2 ครั้ง
2. การตรวจแบบ NAT หรือ Nucleic Acid Technology
ใช้สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV มาในช่วง 3-7 วัน ซึ่งคลีนิคนิรนามให้บริการตรวจด้วยวิธีนี้ แก่ผู้ที่มารับการตรวจทุกรายฟรีปีละ 2 ครั้ง
3. การตรวจแบบ Rapid HIV Test หรือการตรวจ HIV ชนิดเร็ว
การตรวจวิธีนี้ใช้เวลารอผลเพียง 20 นาที เท่านั้น แต่ก็เป็นเพียงการตรวจเพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น การตรวจแบบนี้อาจไม่แม่นยำเท่าการตรวจแบบ Anti HIV และ NAT